เปปทีน (Peptein) เครื่องดื่มแปปทีนพลัสเพื่อสุขภาพที่คุณควรรู้จัก

การดูแลสุขภาพในยุคปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์และโภชนาการที่ก้าวหน้า ทำให้เรามีทางเลือกมากมายในการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ เปปทีน หรือที่หลายคนเรียกว่า เป๊ปทีน แปบทีน หรือ แป๊บทีน ซึ่งเป็นเครื่องดื่มเสริมอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นโปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง หรือที่เรียกว่า soy peptide ผลิตภัณฑ์นี้มีจำหน่ายทั่วไปใน 7-11 โดยมี เปปทีน ราคา 7-11 ที่เข้าถึงได้ง่าย ทำให้ผู้บริโภคสามารถหาซื้อได้สะดวก นอกจากนี้ยังมีรูปแบบอื่นๆ เช่น peptein plus และ peptein 4000 ที่มีความเข้มข้นของสารอาหารแตกต่างกันไป ซึ่งผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามความต้องการและคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

เปปทีน ไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้รักสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อหรือฟื้นฟูร่างกายหลังการออกกำลังกายอีกด้วย หลายคนสงสัยว่า เปปทีน 4000 กินตอนไหน จึงจะได้ผลดีที่สุด คำตอบคือ ควรรับประทานหลังออกกำลังกายทันทีเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อ สำหรับ เปปทีนพลัส กินตอนไหน ก็เช่นเดียวกัน แต่อาจมีความยืดหยุ่นมากกว่าเนื่องจากมีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นเพิ่มเติม ทำให้สามารถรับประทานเป็นอาหารเสริมในชีวิตประจำวันได้ สำหรับผู้ที่สงสัยว่า เปปทีน 4000 กับพลัส ต่างกันอย่างไร คำตอบคือ เปปทีน 4000 มีความเข้มข้นของโปรตีนสูงกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อโดยเฉพาะ

หากคุณกำลังมองหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคุณภาพ เปปทีนพลัส อาจเป็นตัวเลือกที่ดี โดย เปปทีนพลัส ราคา อาจจะสูงกว่า เปปทีน ธรรมดาเล็กน้อย แต่คุ้มค่าด้วยสารอาหารที่เพิ่มขึ้น หลายคนสงสัยว่า peptein plus ช่วยอะไร คำตอบคือ นอกจากจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อแล้ว ยังช่วยเพิ่มพลังงานและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอีกด้วย ส่วน เปปทีน 4000 ช่วยอะไร นั้น มุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหนัก การเลือกระหว่าง เปปทีนพลัส กับ 4000 ต่างกันยังไง จึงขึ้นอยู่กับเป้าหมายการใช้งานของแต่ละบุคคล

เปปทีน สรรพคุณ นั้นมีมากมาย นอกเหนือจากการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ยังช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูร่างกาย เพิ่มพลังงาน และสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย ไม่เฉพาะนักกีฬาเท่านั้น ผู้สูงอายุก็สามารถรับประทาน เปปทีน เพื่อช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและกระดูกได้ สำหรับคำถามที่ว่า เปปทีนกินตอนไหน นั้น แม้จะแนะนำให้รับประทานหลังออกกำลังกาย แต่หากเป็นผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ ก็สามารถรับประทานเป็นอาหารว่างระหว่างมื้อได้ เพื่อเสริมโปรตีนให้กับร่างกาย อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการก่อนเริ่มรับประทานอาหารเสริมใดๆ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล

ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น เครื่องดื่มเปปทีน จึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วย เปปทีน ราคา ที่ไม่สูงจนเกินไป ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อมีจำหน่ายใน 7-11 ซึ่งมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ การเลือกระหว่าง peptein รูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น peptein plus หรือ peptein 4000 ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล บางคนอาจเลือก เปปทีน 4000 เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อโดยเฉพาะ ในขณะที่บางคนอาจเลือก เปปทีนพลัส เพื่อประโยชน์ที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน สิ่งสำคัญคือการรับประทานอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี

การรับประทาน เปปทีน ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั้น ไม่ใช่เพียงแค่การเลือกระหว่าง เปปทีน 4000 หรือ เปปทีนพลัส เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรับประทานให้ถูกเวลาและปริมาณที่เหมาะสม สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ การรับประทาน เปปทีน 4000 หลังการออกกำลังกายทันทีจะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุด เนื่องจากช่วงเวลานี้ร่างกายต้องการสารอาหารเพื่อซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อ ส่วน เปปทีนพลัส สามารถรับประทานได้ทั้งก่อนและหลังออกกำลังกาย หรือแม้แต่ในช่วงระหว่างวันเพื่อเสริมพลังงานและสารอาหารให้กับร่างกาย การเลือกระหว่าง เปปทีน 4000 กับพลัส ต่างกันอย่างไร จึงขึ้นอยู่กับเป้าหมายและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน

นอกจาก เปปทีน แล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในตระกูลเดียวกันที่น่าสนใจ เช่น peptine หรือ pepteen ซึ่งอาจมีส่วนผสมหรือรูปแบบที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย แต่ยังคงมุ่งเน้นในเรื่องของการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและสุขภาพโดยรวม สำหรับผู้ที่สนใจ เปปทีน ราคา 7-11 ขวดละ เท่าไร นั้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาและโปรโมชั่น แต่โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ในระดับที่เข้าถึงได้ง่าย ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพแบบง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน การเลือกระหว่าง เปป เป๊ปทีน หรือ เป๊บทีน จึงขึ้นอยู่กับความคุ้นเคยและความชอบส่วนบุคคล

การเลือกระหว่าง เปปทีน 4000 และ เปปทีนพลัส อาจทำให้หลายคนสับสน แต่หากเข้าใจถึงความแตกต่าง ก็จะสามารถเลือกได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของตนเอง เปปทีน 4000 มีจุดเด่นที่ความเข้มข้นของโปรตีนสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อโดยเฉพาะ ในขณะที่ เปปทีนพลัส มีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาตุเพิ่มเติม ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมมากกว่า เปปทีน 4000 ราคา อาจสูงกว่า เปปทีนพลัส เล็กน้อย เนื่องจากความเข้มข้นที่สูงกว่า แต่หากพิจารณาถึงประสิทธิภาพในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ก็ถือว่าคุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ในด้านนี้โดยเฉพาะ การเลือกว่า เปปทีน 4000 กับพลัส ต่างกันยังไง จึงขึ้นอยู่กับเป้าหมายการใช้งานเป็นหลัก

สำหรับผู้ที่สงสัยว่า เปปทีนกินตอนไหน จึงจะได้ประโยชน์สูงสุด คำแนะนำทั่วไปคือ ควรรับประทานหลังการออกกำลังกายทันที เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายต้องการสารอาหารเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างกล้ามเนื้อมากที่สุด อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ การรับประทาน เปปทีน เป็นอาหารว่างระหว่างมื้อก็สามารถช่วยเสริมโปรตีนให้กับร่างกายได้เช่นกัน สำหรับ เปปทีนพลัส กินตอนไหน นั้น มีความยืดหยุ่นมากกว่า เนื่องจากมีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น จึงสามารถรับประทานได้ทั้งก่อนและหลังออกกำลังกาย หรือแม้แต่ในช่วงเช้าเพื่อเป็นอาหารเสริมในการเริ่มต้นวันใหม่ การเลือกเวลาที่เหมาะสมจึงขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และตารางกิจกรรมของแต่ละบุคคล

นอกจากการเลือกระหว่าง เปปทีน รูปแบบต่างๆ แล้ว การพิจารณาถึง เปปทีน ราคา ก็เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้บริโภค โดยทั่วไป เปปทีน ราคา 7-11 ราคา จะอยู่ในระดับที่เข้าถึงได้ง่าย ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม ราคาอาจแตกต่างกันไปตามรูปแบบและปริมาณ เช่น เปปทีน 4000 อาจมีราคาสูงกว่า เปปทีนพลัส เล็กน้อย แต่ก็มีความเข้มข้นของโปรตีนที่สูงกว่า การเปรียบเทียบราคาและคุณค่าทางโภชนาการจึงเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อ นอกจากนี้ การหาซื้อจากร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ยังช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น

เครื่องดื่มเปปทีน ไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมในหมู่นักกีฬาและผู้ออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการเสริมโปรตีนเพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อ รวมถึงผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักโดยไม่สูญเสียกล้ามเนื้อ การเลือกระหว่าง เปป เป๊ปทีน หรือ เป๊บทีน นั้นเป็นเพียงความแตกต่างในการเรียกชื่อเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น peptein plus สำหรับผู้ที่ต้องการวิตามินและแร่ธาตุเพิ่มเติม หรือ peptein 4000 สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อโดยเฉพาะ การรับประทานอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีจะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหล่านี้

เปปทีน (Peptein) เป็นเครื่องดื่มเสริมโปรตีนที่มีส่วนผสมหลักเป็น เปปไทด์จากถั่วเหลือง (Soy Peptide) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ย่อยสลายแล้ว ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายและรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ทำให้เปปทีนเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ฟื้นฟูร่างกาย หรือเพิ่มพลังงานให้กับตนเอง

ประเภทของเปปทีน

เปปทีนมีหลายรูปแบบ แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ:

• เปปทีน 4000: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโปรตีนในปริมาณสูง
• เปปทีนพลัส (Peptein Plus): มีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาตุเพิ่มเติม

เปปทีนประกอบด้วยส่วนผสมหลักดังนี้:

1. โปรตีนเปปไทด์จากถั่วเหลือง (Soy Peptide): ช่วยในการสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
2. วิตามินบี (B-Complex): สำคัญต่อการเผาผลาญพลังงานและการทำงานของระบบประสาท
3. แคลเซียม: เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน
4. ธาตุเหล็ก: ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
5. วิตามินซี: เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและต้านอนุมูลอิสระ

การดื่มเปปทีนอย่างสม่ำเสมอสามารถให้ประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ:

• เสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
• เพิ่มพลังงานและความสดชื่น
• ช่วยในการฟื้นฟูร่างกายหลังการออกกำลังกาย
• สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน
• ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก

เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการดื่มเปปทีน ควรปฏิบัติดังนี้:

1. ดื่มหลังออกกำลังกาย: ช่วยในการฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้อย่างรวดเร็ว
2. ดื่มก่อนนอน: ช่วยในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อระหว่างการนอนหลับ
3. ดื่มแทนมื้ออาหาร: สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
4. ดื่มระหว่างวัน: เพื่อเพิ่มพลังงานและความสดชื่น

แม้ว่าเปปทีนจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการ:

• ผู้ที่แพ้ถั่วเหลืองควรหลีกเลี่ยง
• ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้หากมีโรคประจำตัว
• ไม่ควรดื่มเกินปริมาณที่แนะนำบนฉลาก
• ควรดื่มน้ำเปล่าตามมากๆ เพื่อช่วยในการดูดซึม

การดื่มเปปทีนมีข้อดีมากมาย แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือ:

1. ดูดซึมง่ายและรวดเร็ว
2. มีโปรตีนคุณภาพสูง
3. อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ
4. รสชาติดี ดื่มง่าย
5. สะดวกในการพกพาและบริโภค

นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น เจลดีท็อกซ์นาโน DooDDrink ที่ช่วยในการดีท็อกซ์ร่างกายและเสริมสร้างระบบย่อยอาหาร

แม้ว่าเปปทีนจะมีประโยชน์มาก แต่ก็มีข้อเสียบางประการที่ควรคำนึงถึง:

• อาจมีราคาสูงกว่าเครื่องดื่มโปรตีนทั่วไป
• บางคนอาจมีอาการแพ้ถั่วเหลือง
• การดื่มมากเกินไปอาจทำให้ได้รับแคลอรี่สูงเกินความต้องการ
• อาจมีรสชาติที่ไม่ถูกปากสำหรับบางคน

เปปทีน 4000 และเปปทีนพลัสมีความแตกต่างกันในบางประการ ดังนี้:

การเลือกซื้อเปปทีนให้เหมาะกับความต้องการของคุณเป็นสิ่งสำคัญ ต่อไปนี้เป็นแนวทางในการเลือก:

1. พิจารณาเป้าหมายของคุณ: หากต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เปปทีน 4000 อาจเหมาะสมกว่า แต่ถ้าต้องการเสริมสุขภาพทั่วไป เปปทีนพลัสอาจเป็นตัวเลือกที่ดี
2. ตรวจสอบส่วนผสม: ดูว่ามีส่วนผสมที่คุณแพ้หรือไม่ และมีสารอาหารที่คุณต้องการครบถ้วนหรือไม่
3. เปรียบเทียบราคา: เปรียบเทียบราคาต่อหน่วยของแต่ละผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้ความคุ้มค่าสูงสุด
4. อ่านรีวิวจากผู้ใช้จริง: ดูความคิดเห็นจากผู้ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์มาก่อน
5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ

หลายคนสงสัยเกี่ยวกับ เปปทีน ราคา 7-11 เนื่องจากความสะดวกในการหาซื้อ ต่อไปนี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับราคาและความพร้อมจำหน่ายของเปปทีนใน 7-11:

หมายเหตุ: ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาและโปรโมชั่น

คำถามที่พบบ่อยคือ “เปปทีน 4000 กินตอนไหน” คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคุณ:

• หลังออกกำลังกาย: ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้อย่างรวดเร็ว
• ก่อนนอน: ช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อระหว่างการนอนหลับ
• มื้อเช้า: ให้พลังงานและสารอาหารสำหรับเริ่มต้นวัน
• ระหว่างวัน: เป็นอาหารว่างเพื่อเพิ่มพลังงาน

สำหรับ เปปทีนพลัส กินตอนไหน นั้น มีคำแนะนำดังนี้:

1. ก่อนอาหารเช้า: ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ
2. ระหว่างมื้ออาหาร: เป็นอาหารว่างเพื่อควบคุมน้ำหนัก
3. หลังออกกำลังกายเบาๆ: ช่วยเสริมพลังงานและสารอาหาร
4. ก่อนนอน: ช่วยในการฟื้นฟูร่างกาย

หลายคนสงสัยว่า เปปทีน 4000 กับพลัส ต่างกันอย่างไร ต่อไปนี้เป็นการเปรียบเทียบโดยละเอียด:

มีหลายเหตุผลที่ผู้คนเลือกใช้เปปทีน:

1. ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ: โปรตีนในเปปทีนช่วยในการสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
2. ฟื้นฟูร่างกายหลังออกกำลังกาย: ช่วยลดการปวดเมื่อยและฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้เร็วขึ้น
3. ควบคุมน้ำหนัก: ให้ความรู้สึกอิ่มนาน ช่วยควบคุมการรับประทานอาหาร
4. เพิ่มพลังงาน: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานเพิ่มระหว่างวัน
5. เสริมสารอาหาร: อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น

เพื่อรักษาคุณภาพของเปปทีน ควรปฏิบัติดังนี้:

• เก็บในที่เย็น: อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 2-8 องศาเซลเซียส
• หลีกเลี่ยงแสงแดด: แสงอาจทำลายสารอาหารในผลิตภัณฑ์
• ปิดฝาให้สนิท: ป้องกันการปนเปื้อนและรักษากลิ่นรส
• ตรวจสอบวันหมดอายุ: ไม่ควรบริโภคหลังวันหมดอายุ
• เขย่าก่อนดื่ม: เพื่อให้ส่วนผสมกระจายตัวอย่างทั่วถึง

คำถาม: เปปทีนทำให้อ้วนหรือไม่?
คำตอบ: เปปทีนไม่ได้ทำให้อ้วนโดยตรง แต่หากบริโภคเกินความต้องการของร่างกาย อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มได้ ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมและควบคู่กับการออกกำลังกาย

คำถาม: เปปทีนมีผลข้างเคียงหรือไม่?
คำตอบ: โดยทั่วไปเปปทีนปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคส่วนใหญ่ แต่บางคนอาจมีอาการแพ้ถั่วเหลือง หากมีอาการผิดปกติ ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์

คำถาม: เปปทีนสามารถทดแทนอาหารหลักได้หรือไม่?
คำตอบ: เปปทีนไม่ควรใช้ทดแทนอาหารหลักทั้งหมด แต่สามารถใช้เป็นอาหารเสริมหรือทดแทนมื้ออาหารบางมื้อได้ ควรรับประทานอาหารที่หลากหลายเพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน

เปปทีนเป็นเครื่องดื่มเสริมโปรตีนที่มีประโยชน์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ฟื้นฟูร่างกาย หรือเพิ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคลเป็นสิ่งสำคัญ

นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เจลดีท็อกซ์นาโน DooDDrink ดู๊ดดริ้ง ดูดดื่มเพื่อสุขภาพ ที่มีทั้ง โพรไบโอติก โพสไบโอติก โปรไบโอติก แอปเปิ้ลไซเดอร์เวนิกา อาซาอิเบอรี่ และจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ และมีชีวิตหลายล้านตัวอยู่ในซอง และสารอาหารที่ครบถ้วนเหมือนอาหารของนักบินอวกาสสหรัฐอเมริกา และสารอาหารอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งช่วยในการดีท็อกซ์ร่างกาย เสริมสร้างระบบย่อยอาหาร และสนับสนุนสุขภาพโดยรวม

อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการผิดปกติหรือมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใดๆ